เหตุการณ์แฮกระทึก เผยวิธีอยู่ยังไงไม่ให้โดนแฮก! โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน จนฉันตามไม่ทันแล้วจริงๆ มิจฉาชีพมาในทุกรูปแบบตามไปถึงในโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว วันนี้ ทีมข่าวสดจะหยิบเรื่องราวเหตุการณ์แฮกข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังและยังมาเผยวิธีที่เลี่ยงการโดนขโมยข้อมูลกันค่ะ
จากเหตุการณ์แฮคข้อมูล โรงพยาบาลสระบุรีที่โดนเรียกค่าไถ่ด้วยไวรัสไปถึง 63,000 ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างความเดือดร้อนให้กับคณะแพทย์จนป่วนโกลาหลไปทั้งโรงพยาบาล ตามรายงานข่าวได้ระบุว่าแฮกเกอร์ ได้เรียกร้องให้เหยื่อทำการจ่ายบิตคอยน์ เป็นจำนวนตามที่ทางนักแฮกเกอร์เรียกร้อง ซึ่งในกรณีนี้ก็คือ 200,000 BTC หรือประมาณ 63,000 ล้านบาท หากอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันที่ 1 BTC ต่อ 319,577.01 บาท บนตลาด Bitkub ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
- แฮกเกอร์วัย 17 ปี แฮกทวิตเตอร์คนดัง หวังเงินบริจาค เริ่มกันด้วยประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา เหตุเพิ่งเกิดเหตุการณ์ไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อทางการสหรัฐ ได้ทำการจับกุม 3 ผู้ก่อเหตุแฮกบัญชีทวิตเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะหนึ่งในผู้เสียหายนั่นก็คือ อดีตประธานาธิปดี บารัค โอบามา
แกรม คลาร์ก แฮกเกอร์ตัวดีเขามีอายุเพียง 17 ปีเท่านั่น อาศัยอยู่ที่ รัฐฟอลิดา เขาอยู่เบื้องหลังการแฮกข้อมูลความปลอดภัยอีกมากกว่า 30 บัญชี พบว่าเค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลของคนดังระดับโลกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์, อีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทสเปซเอ็กซ์และเทสลา, คานเย เวสต์ นักร้องชื่อดัง รวมไปถึง บริษัทมือถือค่ายยักษ์ อย่างแอปเปิล
โดยแผนการของคลร์ากก็คือเขาได้โน้มน้าวพนักงานในบริษัททวิตเตอร์ให้เชื่อว่าเขาเป็นคนในองค์กรเพื่อที่จะหลอกเอาข้อมูลสำคัญของบริษัท หลังจากที่เขาสามารถเข้าถึงข้อมูลขอเหล่าคนดังได้แล้วเขาก็ใช้บัญชีนั้นๆ ขอรับเงินบริจาคบิตคอยน์ โดยแผนดังกล่าวนี้ทำเงินให้เขาถึง 117,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ ประมาณ 3.65 ล้านบาท หลังจากที่คลร์ากโดนจับกุม เขาโดนทษจำคุก 5 ปี และปรับเป็นเงิน 250,000 ดอลลาร์ หรือราว 7.8 ล้านบาท
- แฮกเกอร์ที่อายุน้อยที่สุดในโลก เหตุการณ์เกิดที่ประเทศไต้หวัน เมื่อทางการได้ทำการจับกุม จูเนียร์แฮกเกอร์ เด็กชายวัยเพียง 14 ปี ข้อหาคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เขาได้เจาะเข้าฐานข้อมูลสถาบันเทคโนโลยีของไต้หวัน เพื่อโพสภาพมือเปื้อนเลือดบนหน้าเว็บไซต์ จูเนียร์แฮกเกอร์ ให้การต่อศาลว่า ตอนที่เข้าเรียนนั้นตนรู้สึกกดดันและทรมานมาก ด้วยความที่ต้องการระบายอารมณ์และอยากลองทดสอบความสามารถของตัวเอง เขาเลือกสถาบันเทคโนโลยีที่เขาเรียนพิเศษอยู่เป็นเป้าหมาย
ตำรวจเปิดเผยว่า หลังจากที่เข้าตรวจค้นบ้านของจูเนียร์แฮกเกอร์คนนี้แล้ว พวกเขาก็อดรู้สึกทึ่งไม่ได้เมื่อพบว่า ในห้องนอนของเด็กคนนี้เต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และการเข้ารหัสลับซอฟต์แวร์ และเว็บไวต์ของสถาบันเทคโนโลยีที่ทำให้เด็กคนนี้จนมุมโดนจับได้ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ซับซ้อนชนิดที่แฮกเกอร์ผู้ใหญ่บางคนยังเจาะไม่ได้ แต่เด็กอายุ 14 คนนี้กลับเข้าไปปล่อยไวรัสมาแล้ว
- แฮกทวิตเตอร์นายกปู เมื่อย้อนกลับไปเมื่อปี 2556 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่แฮกเข้าเว็บกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและกรมสื่อสาร หรือไอซีที ได้โดนแฮกโดยแฮกเกอร์ที่มีชื่อว่า "Unlimited Hack Team!!!" เจาะเข้าระบบได้โพสข้อความหยาบคายพร้อมรูปของอดีตนายกรัฐมนตรี
I am slutty moron แปลว่า ฉันปัญญาอ่อนโสมม และยังมีข้อความด้านล่างระบุว่า I know that I am the worst Prime Minister ever in Thailand history แปลว่า ฉันรู้ว่าฉันเป็นนายกรัฐมนตรีที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
เผยวิธีตั้งรหัสผ่านยังไงไม่ให้โดนแฮก
- ควรมีหลักการที่แน่นอน ลองใช้ตัวอักษรใหญ่เล็กสองสามตัวในคำแรกๆ ต่อด้วยตัวเลข และจบท้ายด้วยอักขระพิเศษ เช่น ! ( ) – ? [ ] _ : ; @ เป็นต้น ตัวอย่างการตั้งรหัสผ่านที่เราอยากแนะนำ ควรยาวอย่างน้อย 8 ตัว เช่น EwkQ36@! ซึ่งเมื่อถึงเวลาจำเป็นต้องเปลี่ยนรหัสผ่าน ให้เปลี่ยนเพียงตัวเลขจาก 36 เป็น 37 ไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้เราก็เพียงแค่จดจำเฉพาะตัวเลขที่เปลี่ยนไปในแต่ละครั้ง
- ควรใช้รหัสผ่านแต่ละบัญชีแตกต่างกัน แฮกเกอร์มักจะเข้าถึงบัญชีอื่นๆด้วยเมื่อทำการแฮก อิ เมล หลักได้แล้ว
- ควรทำตั้งค่ายืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์ หรือ ข้อความทุกครั้ง
- เพิ่มเบอร์บุคคลที่ไว้ใจได้ 100 เปอร์เซ็น เพิ่มลงในบัญชีเฟสบุ๊ก เพื่อเอาไว้ยืนยันเวลาลืมรหัสผ่าน หรือใช้ไว้ยืนยันตัวตนเมื่อเกิดปัญหา
- อย่าทำการบันทึกรหันผ่านใดๆ ไว้บนบราวเซอร์โดยเด็ดขาด
- หมั่นเปลี่ยนรหัสผ่านทุกเดือน
ขอขอบคุณที่มา smartphonetabletthai.com
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://ift.tt/3jTw9Xk
"รหัสผ่าน" - Google News
September 09, 2020 at 01:34PM
https://ift.tt/3m39ZUl
เปิดเหตุการณ์แฮกสะเทือนโลก เผยวิธีอยู่ยังไงไม่ให้โดนแฮก! - ข่าวสด
"รหัสผ่าน" - Google News
https://ift.tt/3gN8iru
No comments:
Post a Comment